ลิเวอร์พูล, แมนยู, เชลซี, แมนซิตี้ ทีมไหนเหมาะสมกับ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ?

 


หลังจากที่ มิโน่ ไรโอล่า เอเจนต์ชื่อดังออกมาประกาศว่ามีเพียงแค่ 10 สโมสรที่ดีพอจะได้ตัว เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ ไปร่วมก๊วน โดยเสริมว่าในจำนวนนั้นเป็นทีมจากอังกฤษ 4 ทีม แต่ไม่ได้ระบุชื่อ กระนั้นคอบอลส่วนใหญ่ก็คงเดาได้ว่าคือทีมอะไร


ในยุคนี้สโมสรจากลีกเมืองผู้ดีที่มีทั้งความสำเร็จและเม็ดเงินคงหนีไม่พ้น แมนเชสเตอร์ซิตี้, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ซึ่งทีมเหล่านี้มีเสน่ห์ และศักยภาพเย้ายวนให้ ฮาแลนด์ อยากย้ายไปลองลิ้มชิมความมันในศึกพรีเมียร์ลีก

ถ้าหาก กองหน้าดาวรุ่งทีมชาตินอร์เวย์ ตัดสินใจย้ายมาทำมาหารับประทานที่ อังกฤษ จริงๆ ศักยภาพของเขาจะเหมาะกับ "บิ๊กโฟร์" ทีมไหนมากที่สุด และสโมสรไหนที่จะได้ประโยชน์จากศักยภาพของนักเตะรายนี้ ?

เหมาะที่จะเป็นกองหน้ายุคใหม่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้



แมนฯ ซิตี้ กับตระกูลฮาแลนด์ มีความสัมพันธ์กันมาตลอด สมัยที่ อัล์ฟ-อิงเก้ บิดาบังเกิดเกล้าของ เออร์ลิง ยังโลดแลนบนสังเวียนหญ้าเขียวขจีเขาก็เคยค้าแข้งกับ "เรือใบสีฟ้า" ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากนักเตะจะเลือกย้ายมาเล่นด้วย

ช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ แมนฯ ซิตี้ มีความตั้งใจที่จะเซ็นสัญญากองหน้าอีกซักครั้ง หลังจากที่พวกเขาไม่ได้ควักกระเป๋าจ่ายเงินเพื่อคว้าดาวยิงมาเสริมแกร่งในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ที่สำคัญการที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ กำลังจะหมดสัญญาหลังจบซีซั่นนี้ และ กาเบรียล เชซุส ฟอร์มยังไม่คงเส้นคงวา กอปรกับมีปัญหาเจ็บบ่อยๆ จึงทำให้ "เรือใบสีฟ้า" ไม่สามารถฝากความหวังในการยิงประตูไว้กับเขาเป็นทายาทล่าตาข่ายต่อจาก "กุน" ได้

หัวหอกทีมชาติบราซิล เป็นหนึ่งในเรื่องที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กังวลมากๆ เพราะนับตั้งแต่ต้นฤดูกาลที่ผ่านมาฟอร์มของ เชซุส ไม่น่าอภิรมย์มากนักในเกมพรีเมียร์ลีก โดยสถิติการยิงประตูต่างกันราวฟ้ากับเหวเมื่อเทียบกับ ฮาแลนด์ ที่ฟอร์มระเบิดเถิดเทิงนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ ดอร์ทมุนด์



การที่ขาดกองหน้าแบบโป้งปิดบัญชีทำให้ แมนฯ ซิตี้ ต้องมีการพัฒนาเรื่องแท็กติกการเล่นเกมรุก โดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องเลือกใช้นักเตะอย่างน้อย 1 คนขยับออกไปเล่นทางริมเส้น โดยระบบนี้ส่งผลให้เกมรุกของ "เรือใบสีฟ้า" มีความดุดันเหมือนกับที่พวกเขาเคยทำได้ในซีซั่น 2017/2018 ซึ่งทีมเก็บได้ 100 คะแนน

หนึ่งในนักเตะที่โดดเด่นและเข้ากับระบบใหม่ของ เป๊ป ก็คือ ฟิล โฟเด้น ที่ถูกจับไปเล่นทางฝั่งซ้าย และ ราฮีม สเตอร์ลิง โยกไปยืนทางขวาซึ่งทำให้เขาสามารถเลี้ยงบอลเข้าใส่เกมรับคู่แข่งได้โดยตรง หรือจะเลี้ยงบอลจากทางฝั่งขวาตัดเข้าไปในกรอบเขตโทษก็ได้ นอกจากนี้ทั้งสองคนยังได้ตัวสนับสนุนชั้นยอดอย่าง ชูเอา คันเซโล่ ซึ่งปัจจุบันถูกจับไปยืนเป็นแบ็กขวาบ่อยๆ

แม้แนวรุกของ "สำเภาทอง" จะดูดีก็ตาม แต่หากพวกเขาได้นักเตะที่เป็นกองหน้าขนาดแท้อย่าง ฮาแลนด์ มาช่วยล่าตาข่าย ยิ่งทำให้ทีมแข็งแกร่งเพิ่มเป็นทวีคูณ เพราะนักเตะรายนี้มีการเคลื่อนไหวที่ฉลาดมากๆในกรอบเขตโทษ และมีการยิงประตูที่เฉียบคมในระยะ 12 หลา ฉะนั้นนี่คืออาวุธเด็ดที่ เป๊ป ต้องการหากทีมไม่มี อเกวโร่ อีกต่อไป

สามารถทดแทนมาเน่, ซาลาห์ หรือ ฟีร์มีโน่



สื่อหลายสำนักในช่วงที่ผ่านมา มักประโคมข่าวว่า ลิเวอร์พูล สนใจอยากได้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าชาวฝรั่งเศสของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาเสริมทัพ แต่นั่นก็อาจทำให้พวกเขาต้องขายหนึ่งในแนวรุกชั้นยอดอย่าง ซาดิโอ มาเน่ หรือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ออกไป เพื่อนำเงินมาใช้สำหรับซื้อ หัวหอกเลือดเฟร้นช์

ถ้าหากเกิดกรณีนั้นขึ้นมาจริงๆ แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องมองหาตัวเลือกที่จะมาทดแทนการจากไปของ "บังโม" และ มาเน่ ฉะนั้นมันจึงเป็นไปได้มากเลยทีเดียวที่ทัพ "หงส์แดง" จะเล็งคว้าตัว ฮาแลนด์ มาเสริมทัพ

กรณีของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่ซัดไป 6 ประตูจากการลงเล่นตัวจริง 19 เกมในลีก ต้องบอกว่า ณ ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่สุดยอดอีกแล้ว แต่สิ่งที่ยังโดดเด่นอยู่ในตัวของ สตาร์ชาวบราซิเลียน ก็คือทำหน้าที่คอยเชื่อมเกม และสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อน และเขาก็ปั้น มาเน่ กับ ซาลาห์ ยิงประตูมาตลอด



สำหรับ ฮาแลนด์ ต้องบอกว่ามีความโดดเด่นทั้งเรื่องการยิงประตู และการมีส่วนร่วมกับเกม ยกตัวอย่างในแมตช์ที่ "เสือเหลือง" ปะทะกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ทีมของยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ วางแท็กติกจัดการ ฮาแลนด์ ไม่ให้เล่นได้อย่างสะดวกในครึ่งแรก ทำให้เขามีโอกาสสัมผัสบอลแค่ 5 ครั้งเท่านั้น

อย่างไรก็ตามในครึ่งหลัง นักเตะชาวนอร์เวย์แสดงไหวพริบและความฉลาดในการเล่นด้วยการปรับวิธีการเล่นเกมรุก โดนลงมาล้วงบอลต่ำ และลากบอกเองจากนั้นก็ส่งให้ เจดอน ซานโช่ ซัดประตู นอกจากนี้ยังคอยทำหน้าที่เชื่อมเกม และยังวิ่งหาพื้นที่ยิงประตูได้ตลอด

ไหวพริบและการเล่นที่รู้จักปรับตัวเป็นสิ่งที่แตกต่างระหว่าง ฮาแลนด์ กับ ฟีร์มีโน่ และหาก ลิเวอร์พูล ได้ตัวนักเตะดาวรุ่งชาวนอร์เวย์มาร่วมทีม เขาจะช่วยแก้ปัญหาเกมรุกฝืดของทีมได้ทันที

หอกเป้าตัวหลักแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด



จริงๆ แล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยมีข่าวจะได้ตัว ฮาแลนด์ มาจาก เรดบูลล์ส ซัลซ์บวร์ก เมื่อ 12 เดือนก่อน แต่ด้วยความที่พวกเขามัวแต่ยึกๆ ยักๆ ไม่เอาจริงซะที ทำให้ ดอร์ทมุนด์ จัดการปาดหน้าคว้าหัวหอกชั้นยอดไปเสริมทัพ

อย่างไรก็ตาม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมคนบ้านเดียวกัน ยังคงใส่ชื่อของ ฮาแลนด์ เอาไว้ในแผนการสร้างทีมกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่มาตลอด และแน่นอนว่าในช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ "น้าลูกอม" คงเดินเข้าไปเคาะประตูห้องบอร์ดบริหารให้เบิกเงินเพื่อทุ่มซื้อนักเตะรายนี้

ในเวลานี้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล มักจะถูกจับให้ยืมเป็นหน้าเป้า แต่ก็ยังทำผลงานได้ไม่ค่อยดีนัก ขณะที่เวลา โซลชา ใช้ระบบการเล่น 4-2-3-1 โดย มาร์คัส แรชฟอร์ด ยืนทางฝั่งซ้าย และ หัวหอกเลือดเฟร้นช์ ทำหน้าที่เป็นกองหน้า ทั้งสองคนมักจะยืนทับตำแหน่งบริเวณฝั่งซ้ายด้านใน และส่งผลให้ตรงหน้าประตูไม่มีหน้าเป้าคอยสังหาร

จากนั้น โซลชา ปรับแท็กติกด้วยการใช้ระบบ 4-4-2 แบบไดมอนด์ ด้วยการใช้ เอดินสัน คาวานี่ ทำหน้าที่เป็นหน้าเป้า หรือใช้ มาร์กซิยาล กับ แรชฟอร์ด ยืนเป็นคู่หูเกมรุก ฟอร์มของทีมก็กลับมาโดดเด่น และยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง



อย่างไรก็ตาม คาวานี่ จะอายุครบ 34 ปีในเดือนหน้าแล้ว และนักเตะก็เซ็นสัญญาระยะสั้นกับทีมเท่านั้น ซึ่งหาก หัวหอกชาวอุรุกวัย ไม่ได้เล่นให้กับ แมนฯ ยูฯ ในฤดูกาลหน้า พวกเขาจำเป็นต้องหาดาวยิงที่มีความเฉียบคมในกรอบเขตโทษ และชื่อของ ฮาแลนด์ เหมาะสมที่สุด

ศักยภาพของ ฮาแลนด์ เหมาะเจาะลงตัวกับ โซลชา โดยเฉพาะสไตล์การเล่นแบบสวนกลับฉับพลัน เขาเป็นนักเตะที่มีความรวดเร็ว หาพื้นที่ว่างได้ดี และยังเป็นนักเตะที่รอจังหวะการเล่นก่อนจะวิ่งตัดหลังแนวรับคู่แข่งเพื่อเข้าไปยิงประตู ยกตัวอย่างในเกมที่พบกับ ไฟร์บวร์ก, ชาลเก้ 04 และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เป็นต้น

นี่คืออาวุธพิเศษที่ โซลชา ต้องการ เนื่องจากในบางเกมทีมของเขาต้องประสบปัญหาในการสร้างโอกาสยิงประตู เพราะไม่มีพื้นที่วางเพื่อเล่นสวนกลับ อย่างในแมตช์แพ้ "ดาบคู่" เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-2 ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นต้น

ลองนึกภาพ ฮาแลนด์ เล่นร่วมกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เพลย์เมกเกอร์ชาวโปรตุกีส ซึ่งเป็นตัวพ่อการสร้างโอกาสให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด งานนี้สาวก "เร้ด อาร์มี่" คงจะได้เห็นจำนวนประตูเป็นกอบเป็นกำที่ทีมรักยิ่งได้แน่นอน

จับคู่แวร์เนอร์ที่เชลซี



หน้าเป้าเป็นตำแหน่งที่ยังไม่ลงตัวสำหรับ 11 ผู้เล่นตัวจริงของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ในฤดูกาลนี้

ในยุคที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุมบังเหียน เขาไม่สามารถหาแนวทางในการแก้ปัญหากรณีนี้ได้เลย และพยายามโรเตชั่นด้วยการสลับสับเปลี่ยนส่ง แทมมี่ อบราฮัม, โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ ติโม แวร์เนอร์ ลงสนามในตำแหน่งหน้าเป้า

ปัญหานี้ยังคงลามมาถึงยุคที่ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามารับตำแหน่งกุนซือ โดย 2 เกมแรกที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน คุมทีมเจ้าตัวตัดสินใจใช้งาน ชิรูด์ ลงตัวจริงในแมตช์พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ จากนั้นก็ใช้ อบราฮัม ยืนหน้าเป้าเกมปะทะ เบิร์นลี่ย์ ก่อนที่ แวร์เนอร์ จะลงมาแทนเขาในช่วงพักครึ่ง

ชิรูด์ มีสถิติน่าประทับใจในการยิงประตูให้กับ "สิงห์บลูส์" ฤดูกาลนี้ ล่าสุดก็เพิ่งจะโชว์ลีลาลืมแก่ยิงประตูแบบโอเวอร์เฮดคิก นำทีมชนะ แอตเลติโก มาดริด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา



หัวหอกจอมเก๋าเลือดเฟร้นช์มักจะเล่นร่วมกับเพื่อนร่วมทีมได้ดี แต่เขาขาดสปีดในการเล่นซึ่งส่งผลเวลาที่ทีมได้จังหวะสวนกลับ ขณะที่ อบราฮัม มีสถิติที่ดีเช่นกันในซีซั่นนี้ และมีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือเขายังไม่สามารถเล่นร่วมกับเพื่อนร่วมทีมได้ดีเหมือนกับ ชิรูด์

ฉะนั้น ฮาแลนด์ เป็นนักเตะที่มีศักยภาพทั้งการเล่นร่วมกับเพื่อนร่วมทีม และมีสภาพร่างกายกับความรวดเร็วที่ยอดเยี่ยม ที่สำคัญยังมีความเฉียบคมในการยิงประตู จึงเป็นทางเลือกที่ดีมากๆ ของ เชลซี นอกจากนี้หากได้เขามาเล่น ทูเคิ่ล อาจจะใช้แท็กติกกองหน้า 2 ตัว เพราะเป็นระบบที่เหมาะกับ แวร์เนอร์ ด้วย

สมัยที่ แวร์เนอร์ ประสบความสำเร็จกับ แอร์เบ ไลป์ซิก เขามักจะเล่นในระบบกองหน้า 2 ตัว โดยเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ดาวเตะชาวเยอรมัน เล่นร่วมกับ ยุสซุฟ โพลเซน (ที่ไลป์ซิก) ได้อย่างเข้าขา ดังนั้นหาก แวร์เนอร์ ได้ ฮาแลนด์ มาเป็นคู่หูแดนหน้า คงจะทำให้เกมรุกของ "สิงโตน้ำเงินคราม" โหดเป็นทวีคูณ




ความคิดเห็น