อดีตสตาร์ดาวรุ่งแมนซิตี้ เลิกเล่นวัย 25 ปีเจริญรุ่งเรืองธุรกิจแฟชั่น

 


ชีวิตของแต่ละคนอาจจะมีความพลิก

ผลันแบบที่เราไม่รู้ตัว อย่างในกรณีของ รีซ วาบาร่า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นนักเตะดาวรุ่งพุ่งแรงจากศูนย์ฝึกเยาวชนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเป็นกองหลังมีดีกรีติดทีมชาติอังกฤษรุ่นเยาวชนด้วย

      
ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน วาบาร่า ได้รับการคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นกองหลังกำลังสำคัญของ "เรือใบสีฟ้า" แต่น่าเสียดายที่นักเตะไม่ค่อยได้รับโอกาสเท่าที่ควรจะเป็น โดยลงเล่นทีมชุดใหญ่แค่เกมเดียว และโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับหลายสโมสร สุดท้ายถูกขายทิ้งไปอยู่กับ ดอนคาสเตอร์

หลังจากย้ายไปเล่นกับทีมอื่นได้ไม่นานสุดท้าย วาบาร่า ตัดสินใจแขวนสตั๊ดตอนที่อยู่กับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส เหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาเลือกหันหลังให้วงการลูกหนัง เพราะเจ้าตัวกล้าที่จะเดินตามความฝันใหม่ในวงการแฟชั่น



ช่วงแรก วาบาร่า พยายามเล่นฟุตบอลอาชีพควบคู่ไปกับการทำงานด้านแฟชั่น แต่มันเป็นเรื่องยากลำบากที่จะทำงานสองอย่างควบคู่กัน จึงต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง และสุดท้ายเขาเลือกที่จะแขวนสตั๊ดในวัย 25 ปีเพื่อไปสู่โอกาสใหม่ในชีวิต

ต้องบอกว่า วาบาร่า ตัดสินใจถูกที่กระโดดเข้าสู่วงการแฟชั่นเต็มตัว เพราะนั่นทำให้เขามีโอกาสได้สร้างแบรนด์ของตัวเองในชื่อ " มานิแยร์ เดอ วัวร์ (Manière De Voir) โดยในปี 2020 แบรนด์ของเขาจดทะเบียนขาย 23.4 ล้านปอนด์ (ราว 1,029 ล้านบาท) พร้อมกับกำไร 3.3 ล้านปอนด์ (ราว 145 ล้านบาท)

"ผมเคยถามตัวเองว่า ผมจะเพิ่มศักยภาพสูงสุดของตัวเองได้ที่ไหน ? ผมรู้ว่าโอกาสที่จะได้เล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก และติดทีมชาติอังกฤษมันยากมาก" วาบาร่า เปิดใจกับ "เดอะ ไทม์ส" สื่อดังในอังกฤษ

"ผมมักเป็นคนที่มีวิธีการแต่งตัวที่แตกต่างออกไป และ ลูอิส (มอร์แกน -ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์แฟชั่นยิมชาร์ค -Gymshark-) ถามผมว่า -คุณน่าจะลองทำงานวงการแฟชั่นนะ-" วาบาร่า ระบุ



หลังจากนั้น วาบาร่า ได้ตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นเต็มรูปแบบด้วยการเปิดตัวแบรนด์ของตัวเองด้วยการลงทุนเพียงแค่ 15,000 ปอนด์ (ราว 660,000 บาท) เท่านั้น ซึ่งบอกเลยว่าน้อยมากสำหรับวงการนี้

ในช่วงเริ่มต้น วาบาร่า เน้นแฟนชั่นเครื่องแต่งกายชาย แต่ปัจจุบัน อดีตดาวรุ่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำจากการทำแฟนชั่นเครื่องแต่งกายสุภาพสตรี

ก่อนหน้าที่ วาบาร่า จะเจริญรุ่งเรืองในธุรกิจแฟชั่น เขาพยายามที่จะลองเหยียบเรือสองแคมด้วยการเล่นฟุตบอลไปด้วยทำธุรกิจส่วนตัวไปด้วย แต่สุดท้ายต้นสังกัดอย่างโบลตัน เริ่มสงสัยเกี่ยวกับสมาธิของเขา ว่ายังต้องการช่วยเหลือสโมสรต่อไปหรือไม่



ในที่สุดเจ้าตัวก็ตัดสินใจเด็ดขาดด้วยการแขวนสตั๊ดไปเลย และตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา วาบาร่า ทำงานหนัก 7 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้ธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

กระนั้นการเลือกอำลาวงการลูกหนังถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะหาก วาบาร่า ยังทู่ซี้เล่นฟุตบอลต่อไป บทสรุปอาจเป็นแค่นักเตะโนเนมคนหนึ่งที่ไม่มีใครจดจำได้ !!




ความคิดเห็น