แกล้งลูกพี่คีน, ฝันได้คุมแมนยู! เปิดใจ เวย์น รูนี่ย์ กับการขึ้นพูดในงานพิเศษ

 


ในสมัยที่เขายังค้าแข้งอยู่นั้น เวย์น รูนี่ย์ ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีเรื่องให้ถูกพูดถึงเยอะพอตัว จากการที่เขาถือเป็นหนึ่งในแข้งชื่อดังของ อังกฤษ ในช่วงรุ่งๆ ไปจนถึงพฤติกรรมนอกสนามที่เคยถึงขั้นเกือบจะทำให้ชีวิตรักของเขากับ คอลีน พังไม่เป็นท่ามาแล้ว

  
แน่นอน ปกติแล้วหากจะรู้ถึงเรื่องราวของคนที่เป็นนักเตะแบบละเอียดยิบนั้นมันก็จะต้องไปหาซื้อหนังสืออัตชีวประวัติของคนๆ นั้นมาอ่าน หรือฟังบทสัมภาษณ์แบบเป็นทางการ แต่ล่าสุด รูนี่ย์ ไปขึ้นเวทีพูดในงานอีเวนท์งานหนึ่งที่เมืองแมนเชสเตอร์ โดยมีการเก็บเงินคนละ 300 ปอนด์ ซึ่งในงานนั้นเขาขึ้นเวทีพูดถึงหลายประเด็น และมันก็มีเรื่องเกี่ยวกับฟุตบอลที่น่าสนใจหลายเรื่องด้วย อย่างเช่นความสัมพันธ์กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ความคิดที่มีต่อ ริโอ เฟอร์ดินานด์ และความฝันที่ต้องการทำให้ได้ในอาชีพการเป็นกุนซือ โดยวันนี้เราจะมายกตัวอย่างให้ฟังกัน

- ไม่เคยเกลียด โรนัลโด้
อย่างที่รู้กันดีว่า รูนี่ย์ กับ โรนัลโด้ ถือเป็นคู่ซี้คู่หนึ่งในช่วงที่พวกเขาเล่นอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และมักจะประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ที่จริงทั้งคู่ก็เคยเป็นประเด็นเหมือนกัน เพราะในรอบก่อนรองชนะเลิศของศึก ฟุตบอลโลก 2006 โรนัลโด้ เคยพยายามจี้ให้กรรมการแจกใบแดงให้กับ รูนี่ย์ ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ

หลังจากนั้น โรนัลโด้ ยังถูกจับภาพได้ว่าไปขยิบตาราวกับจะแสดงท่าทีว่า "แผนสำเร็จ" แล้วอีก ซึ่งตอนนั้นหลายคนเชื่อว่ามันอาจจะทำให้ โรนัลโด้ โดนขายออกจากทีมก็ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นอย่างนั้น





ADVERTISING



"คริสเตียโน่ เป็นคนที่เก่งมากๆ และน่าหงุดหงิดชิบหายในเวลาเดียวกัน ตอนนี้เขาอาจจะไม่ได้เก่งเหมือนสมัยก่อนแต่เขาก็อาจจะยังน่าหงุดหงิดแบบเดิมอยู่ เขาชอบพุ่งล้มด้วย แต่ที่จริงผมไม่เคยมีปัญหาอะไรกับ คริสเตียโน่ เลย วันนั้นผมก็คุยกับเขาในอุโมงค์ทันที ผมบอกไปว่า -ฉันไม่เคืองเลยนะที่นายทำให้ฉันโดนไล่ออก- เพราะเอาจริงๆ ในครึ่งแรกของวันนั้นผมก็พยายามยุให้กรรมการแจกใบเหลืองให้เขาจากการที่เขาชอบล้มง่ายๆ เหมือนกัน"

"ผมเป็นคนอังกฤษ ส่วนเขาเป็นคนโปรตุเกส เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากันแล้วน่ะผมก็ไม่สนใจเรื่องบ้าบออะไรก็ตามเกี่ยวกับเขาทั้งนั้นนั่นแหละ ตอนที่เราลงเล่นกันในวันนั้นเขาไม่ใช่เพื่อนของผม แต่พอเกมจบไปแล้วเราก็กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง"


- แกล้ง คีน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหากถามว่านักเตะคนไหนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีนิสัยโหดและดุดันมากที่สุดแล้วล่ะก็ เชื่อได้ว่าชื่อของ รอย คีน น่าจะโผล่มาเป็นลำดับแรกๆ ในใจของหลายคน ขนาดเพื่อนร่วมทีม "ปีศาจแดง" หลายคนยังกลัว คีน ด้วยซ้ำไป แต่ครั้งหนึ่ง รูนี่ย์ เคยนึกสนุกจนแกล้งอดีตยอดแข้งชาวไอริชมาแล้ว

"วันนั้นเราไปเยือน นิวคาสเซิ่ล พอจบเกมไปแล้ว รอย ก็ตัดสินใจเปิดทีวีดูเกมลีกของรักบี้ พอเขาออกจากห้องไปแล้วน่ะผมก็แกล้งเปลี่ยนช่องไปเป็นรายการ X Factor (รายการประกวดร้องเพลง) แล้วซ่อนรีโมทซะมิดชิด"



"พอเขากลับมาแล้วเขาก็ถามใหญ่ว่าใครเป็นคนเปลี่ยนช่อง ผมตอบไปว่า -ผมไม่รู้ฮะ- จากนั้นเขาก็เดินไปถอดปลั๊กออกแล้วบอกเลยว่าจะไม่มีใครได้ดูอะไรทั้งนั้น พอถึงตอนเที่ยงคืนน่ะมันก็มีคนมาเคาะประตูห้องผมในตอนที่ผมกำลังหลับอยู่ คนที่มาเคาะคือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาถามผมว่า -รอย ฝากให้มาถามว่ารีโมทอยู่ไหน ?-"

"เช้าวันต่อมาเราลงมากินข้าวกันก่อนถึงเกมการแข่งขันตามปกติ ผมบังเอิญได้ยืนติดกับ รอย ผมเลยถามเขาว่า -รอย เฮียโอเคไหมเนี่ย ? เฮียหารีโมทเจอป่ะ ?- ซึ่งเขาก็ตอบกลับมาว่า -แล้วมันเป็นธุระกงการอะไรของแกวะ ?-" รอย ไม่ใช่คนที่จะเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนน่ะนะ แต่ผมชอบเขามากๆ"

- ไม่ชอบสไตล์ ริโอ
สำหรับแฟนบอลทั่วไปแล้วนั้น ริโอ เฟอร์ดินานด์ ถือเป็นยอดกองหลังคนหนึ่งจากการที่เขาคุมแนวรับได้อย่างยอดเยี่ยม และบางครั้งก็พาบอลขึ้นมาแถวกลางสนามเองบ่อยๆ ซึ่งถึงแม้ รูนี่ย์ จะยอมรับในฝีเท้าของ ริโอ แต่ก็ยอมรับว่าส่วนตัวแล้วไม่ค่อยแฮปปี้กับการเล่นแบบนั้นเท่าไหร่เหมือนกัน



"ริโอ เป็นนักเตะที่โคตรเก่ง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มีนิสัยจองหองมากพอๆ กัน ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คุณได้รับเงินก้อนโตเพื่อที่จะเตะบอลให้เข้าไปนอนในก้นตาข่ายให้ได้ ดังนั้นคุณก็ควรจะทำอย่างนั้นให้ได้ ผมเคยพูดกับเขาไปว่า -ทำหน้าที่ของนายแล้วผ่านบอลมาให้ฉันก็พอ ไม่ก็ผ่านบอลให้ โรนัลโด้ ไปซะ หยุดเล่นโง่ๆ แบบนั้นได้แล้ว- ริโอ เป็นคนที่เก่งนะ แต่บางครั้งเขาก็ลืมไปว่าตัวเองเป็นกองหลัง"

- ความสัมพันธ์กับ เตเวซ
คาร์ลอส เตเวซ เป็นหนึ่งในอดีตคู่หูในแนวรุกของ รูนี่ย์ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด และทั้งคู่ก็มีความสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง แม้ว่าหลักๆ แล้วพวกเขาจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่องในบางครั้งก็ตาม



"ผมรู้สึกดีในช่วง 2 ปีที่ได้เล่นร่วมกับเขา ผมเคยไปรับเขาถึงบ้านเวลาที่เราต้องเล่นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือขับรถพาเขาไปยังสนามบิน สมัยนั้นเราเล่นเกมด้วยกันและกลับมา และพูดกันตามตรงนะ ผมเคยคุยกับเขาเป็นเวลา 30 นาที และไม่รู้เลยว่าเขาพูดอะไร เขาพึมพำๆ บางอย่าง ส่วนผมเองก็ไม่ใช่คนที่พูดเก่งอะไรอยู่แล้ว ตอนนั้นผมคิดกับตัวเองเลยว่า -ให้ตายสิวะ เขาพึมพำและบอกว่าไม่มีอะไรๆ อยู่นั่นแหละ- ผมท้อแท้มากๆ มันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังมากที่สุดในชีวิตของผม"

- เคยปฏิเสธ เฟอร์กูสัน
รูนี่ย์ ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2004 โดยตอนนั้นเขามีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น แต่ที่จริง รูนี่ย์ เคยมีโอกาสที่จะมาอยู่กับทีมดังแห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว



"เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยพยายามที่จะเซ็นสัญญากับผมในตอนที่ผมอายุ 14 ปี เขาโทรศัพท์มาหาคุณแม่กับคุณพ่อของผม พวกท่านเล่าให้ผมฟังว่า -อเล็กซ์ โทรศัพท์มา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยากเซ็นสัญญากับลูกน่ะ- ซึ่งผมก็ตอบไปทันทีว่า -บอกให้เขาไสหัวไปไกลๆ ได้เลยฮะ ผมอยากเล่นให้ เอฟเวอร์ตัน- แต่พอเวลามันผ่านไปผมก็ตระหนักว่าผมต้องเล่นให้ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สาเหตุที่ผมเซ็นสัญญากับ ยูไนเต็ด ก็เป็นเพราะ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นี่แหละ"

- อยากให้ แรชฟอร์ด ทำลายสถิติตน
รูนี่ย์ คือเจ้าของสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ แมนฯ ยูไนเต็ด จากการลงเล่นในทุกรายการ หลังจากที่เขาทำไป 253 ประตูในการลงเล่น 559 นัด โดยเขาทำลายสถิติที่ยืนยาวมาตั้งแต่ปี 1973 ของ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ลงได้ อย่างไรก็ตาม รูนี่ย์ ไม่ได้อยากให้ชื่อของตัวเองอยู่บนนั้นไปตลอดกาล



"การได้เป็นเจ้าของสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันเป็นเรื่องที่เจ๋งโคตรๆ แต่ผมหวังว่าสถิตินั้นจะโดนทำลาย สิ่งที่ผมหวังเอาไว้ก็คือให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด รีบกลับมาคืนฟอร์มเก่งเร็วๆ ซะที และทำลายสถิติที่ว่าให้ได้ เขาเป็นเด็กจากเมืองแมนเชสเตอร์โดยตรง"

- ความฝันในอาชีพกุนซือ
รูนี่ย์ หันมาทำงานด้านกุนซือเมื่อปี 2020 ด้วยการตกลงเป็น ผู้เล่น-ผู้จัดการทีมในช่วงแรกๆ ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดและหันมาทำงานกุนซืออย่างเดียวแบบเต็มตัวในเวลาต่อมา ซึ่งผลงานของเขาก็ดีในระดับหนึ่งจนถึงขั้นที่ เอฟเวอร์ตัน เคยทาบทามเขาไปคุมทีมด้วย แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธไป เพราะความฝันของเขาคือการได้คุม แมนฯ ยูไนเต็ด



"สาเหตุเดียวที่ทำให้ผมหันมาทำงานคุมทีมก็เพราะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่แหละ ก่อนหน้านี้ผมเคยได้รับการติดต่อให้ไปสัมภาษณ์งานกับที่ เอฟเวอร์ตัน แต่ผมน่ะอยากเป็นผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองยังไม่พร้อมสำหรับงานนั้น แต่ผมต้องวางแผนทุกอย่างให้ดีเพื่อทำให้มั่นใจว่าสักวันหนึ่งมันจะเป็นจริงได้"




ความคิดเห็น