ลิเวอร์พูล ประเดิมชัยชนะนัดแรกของซีซั่นด้วยการถล่ม บอร์นมัธ ไส้แตก โดยเกมนี้ ฟีร์มีโน่ งัดฟอร์มโหดซัดเบิ้ล และทำอีก 3 แอสซิสต์ ส่วน ฟาบิโอ คารวัลโญ่ มิดฟิลด์รายใหม่ประเดิมลูกแรกให้ "หงส์แดง" ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม 9 ประตูที่เกิดขึ้นกลับไม่มีชื่อของ โม ซาลาห์ มีส่วนร่วมกับประตูแม้แต่ลูกเดียวอย่างเหลือเชื่อ!
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม 2565 ที่สนาม แอนฟิลด์ ระหว่าง ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 16 พบ บอร์นมัธ ทีมอันดับ 15 ของตาราง
เจอร์เก้น คล็อปป์ พาทีมไม่ชนะใครใน 3 นัดแรกของฤดูกาล ศึก “วันแดงเดือด” ในนัดมันเดย์ ไนต์ ก็ออกไปแพ้ แมนฯยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด มา 1-2 โดยเกมนี้ 3 ประสานแนวรุกยังคงใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ และ หลุยส์ ดิอาซ
ครึ่งแรกเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 3 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0 โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ตักบอลเข้าเขตโทษให้ หลุยส์ ดิอาซ โขกจ่อๆส่งบอลตุงตาข่าย โดยจังหวะนี้ผู้ตัดสินมีการเช็ก VAR หลังจากดาวยิงโคลอมเบียก้ำกึ่งว่าจะล้ำหน้าแต่สุดท้ายอยู่ในไลน์พอดี
เท่านั้นไม่พอนาทีที่ 7 ลิเวอร์พูล หนีห่างเป็น 2-0 เมื่อ โม ซาลาห์ จ่ายเรียดมาให้ ฟีร์มีโน่ ที่หน้าเขตโทษแต่จับบอลลั่นไปเข้าทางปืนของ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ปั่นด้วยซ้ายแบบไม่จับส่งบอลเสียบเสาไกลเข้าไป
เจ้าถิ่นยังดาหน้าบุกใส่ต่อเนื่อง นาทีที่ 19 ได้ลุ้นลูกสาม ฟีร์มีโน่ ตักบอลข้ามแนวรับ บอร์นมัธ ให้ ซาลาห์ หลุดมาตวัดยิงด้วยขวาแต่่ราวนี้ มาร์ค แทรเวอร์ส ยังปัดทิ้งออกไปได้
ถัดมานาที 28 เจ้าถิ่นขยับหนีเป็น 3-0 ฟีร์มีโน่ ไหลย้อนคืนให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตะบันเต็มข้อด้วยขวาหน้าเขตโทษส่งบอลเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม
นาที 31 สกอร์ไหลเป็น 4-0 ซาลาห์ พยายามจ่ายบอลแต่ไปติดบล็อกของ ไรอัน คริสตี้ ก่อนไปกระดอนมาที่หน้าปากประตูแล้วเป็น ฟีร์มีโน่ ที่แหย่ขายิงจ่อๆไม่เหลือ
หลังจากนั้น นาที 37 บอร์นมัธ มีโอกาสลุ้นประตูบ้าง ไรอัน คริสตี้ พักบอลได้ในเขตโทษก่อนตะบันด้วยซ้ายบอลหลุดเสาแรกออกไปนิดเดียว
ก่อนจบครึ่งแรก นาที 45 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งขวามาเข้าหัว เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ โหม่งเข้าไปไม่เหลือ ทำให้จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ บอร์นมัธ ห่างถึง 5-0
ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เริ่มต้นด้วยการส่ง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ลงมาเล่นแทน ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ แต่แล้วนาที 47 เทรนท์ เปิดบอลเข้าเขตโทษก่อนที่ คริส เมพแฮ่ม จะสกัดบอลพลาดเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไป โดยจังหวะนี้ผู้ตัดสินเช็ก VAR ก่อนจะยืนยันคำตัดสินให้เป็นประตูแก่เจ้าถิ่นนำเป็น 6-0
นาที 62 ลิเวอร์พูล นำ 7-0 จากจังหวะเล่นลูกเตะมุมสั้น โรเบิร์ตสัน เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ ฟีร์มีโน่ โหม่งจังหวะแรกไปติดเซฟ มาร์ค แทรเวอร์ส ปัดมาเข้าทาง ฟีร์มีโน่ ตามซ้ำดาบสองไม่เหลือ
นาที 80 คอตตาส ซิมิกาส จ่ายบอลถวายพานมาให้กับ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ วอลเลย์ด้วยขวาส่งบอลเข้าประตูให้ ลิเวอร์พูล นำ 8-0
สกอร์หนีเป็น 9-0 ในนาที 85 จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวา ซิมิกาส เปิดมาที่เสาแรกให้ หลุยส์ ดิอาซ สอดมาโหม่งเน้นๆ
เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล ถล่ม บอร์นมัธ 9-0
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (คอตตาส ซิมิกาส น.69) – ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ (ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ น.46), ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (สเตฟาน บาจเซติช น.70) – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ (เจมส์ มิลเนอร์ น.70), หลุยส์ ดิอาซ
บอร์นมัธ (3-4-2-1) : มาร์ค แทรเวอร์ส – คริส เมพแฮ่ม, มาร์กอส เซเนซี่, ไรอัน คริสตี้ – ลูอิส คุ๊ก, เบน เพียร์สัน, เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา, จอร์แดน เซมูร่า – มาร์คัส แทรเวอร์เนียร์, ไจดอน อันโธนี่ – คีฟเฟอร์ มัวร์
เจอร์เก้น คล็อปป์ พาทีมไม่ชนะใครใน 3 นัดแรกของฤดูกาล ศึก “วันแดงเดือด” ในนัดมันเดย์ ไนต์ ก็ออกไปแพ้ แมนฯยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด มา 1-2 โดยเกมนี้ 3 ประสานแนวรุกยังคงใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ และ หลุยส์ ดิอาซ
ครึ่งแรกเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 3 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0 โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ตักบอลเข้าเขตโทษให้ หลุยส์ ดิอาซ โขกจ่อๆส่งบอลตุงตาข่าย โดยจังหวะนี้ผู้ตัดสินมีการเช็ก VAR หลังจากดาวยิงโคลอมเบียก้ำกึ่งว่าจะล้ำหน้าแต่สุดท้ายอยู่ในไลน์พอดี
เท่านั้นไม่พอนาทีที่ 7 ลิเวอร์พูล หนีห่างเป็น 2-0 เมื่อ โม ซาลาห์ จ่ายเรียดมาให้ ฟีร์มีโน่ ที่หน้าเขตโทษแต่จับบอลลั่นไปเข้าทางปืนของ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ปั่นด้วยซ้ายแบบไม่จับส่งบอลเสียบเสาไกลเข้าไป
เจ้าถิ่นยังดาหน้าบุกใส่ต่อเนื่อง นาทีที่ 19 ได้ลุ้นลูกสาม ฟีร์มีโน่ ตักบอลข้ามแนวรับ บอร์นมัธ ให้ ซาลาห์ หลุดมาตวัดยิงด้วยขวาแต่่ราวนี้ มาร์ค แทรเวอร์ส ยังปัดทิ้งออกไปได้
ถัดมานาที 28 เจ้าถิ่นขยับหนีเป็น 3-0 ฟีร์มีโน่ ไหลย้อนคืนให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตะบันเต็มข้อด้วยขวาหน้าเขตโทษส่งบอลเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม
นาที 31 สกอร์ไหลเป็น 4-0 ซาลาห์ พยายามจ่ายบอลแต่ไปติดบล็อกของ ไรอัน คริสตี้ ก่อนไปกระดอนมาที่หน้าปากประตูแล้วเป็น ฟีร์มีโน่ ที่แหย่ขายิงจ่อๆไม่เหลือ
หลังจากนั้น นาที 37 บอร์นมัธ มีโอกาสลุ้นประตูบ้าง ไรอัน คริสตี้ พักบอลได้ในเขตโทษก่อนตะบันด้วยซ้ายบอลหลุดเสาแรกออกไปนิดเดียว
ก่อนจบครึ่งแรก นาที 45 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งขวามาเข้าหัว เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ โหม่งเข้าไปไม่เหลือ ทำให้จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ บอร์นมัธ ห่างถึง 5-0
ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เริ่มต้นด้วยการส่ง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ลงมาเล่นแทน ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ แต่แล้วนาที 47 เทรนท์ เปิดบอลเข้าเขตโทษก่อนที่ คริส เมพแฮ่ม จะสกัดบอลพลาดเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไป โดยจังหวะนี้ผู้ตัดสินเช็ก VAR ก่อนจะยืนยันคำตัดสินให้เป็นประตูแก่เจ้าถิ่นนำเป็น 6-0
นาที 62 ลิเวอร์พูล นำ 7-0 จากจังหวะเล่นลูกเตะมุมสั้น โรเบิร์ตสัน เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ ฟีร์มีโน่ โหม่งจังหวะแรกไปติดเซฟ มาร์ค แทรเวอร์ส ปัดมาเข้าทาง ฟีร์มีโน่ ตามซ้ำดาบสองไม่เหลือ
นาที 80 คอตตาส ซิมิกาส จ่ายบอลถวายพานมาให้กับ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ วอลเลย์ด้วยขวาส่งบอลเข้าประตูให้ ลิเวอร์พูล นำ 8-0
สกอร์หนีเป็น 9-0 ในนาที 85 จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวา ซิมิกาส เปิดมาที่เสาแรกให้ หลุยส์ ดิอาซ สอดมาโหม่งเน้นๆ
เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล ถล่ม บอร์นมัธ 9-0
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (คอตตาส ซิมิกาส น.69) – ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ (ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ น.46), ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (สเตฟาน บาจเซติช น.70) – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ (เจมส์ มิลเนอร์ น.70), หลุยส์ ดิอาซ
บอร์นมัธ (3-4-2-1) : มาร์ค แทรเวอร์ส – คริส เมพแฮ่ม, มาร์กอส เซเนซี่, ไรอัน คริสตี้ – ลูอิส คุ๊ก, เบน เพียร์สัน, เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา, จอร์แดน เซมูร่า – มาร์คัส แทรเวอร์เนียร์, ไจดอน อันโธนี่ – คีฟเฟอร์ มัวร์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น